ความดูดีมีระดับนั้นมักเป็นสิ่งที่ผู้คนปรารถนาอยู่เสมอๆ ไม่ว่าจะเป็นความภาคภูมิใจในตัวเอง ความมีดีที่เหนือกว่า และเราไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า การที่ใครบางคนถือครองสินค้าที่เป็นของพรีเมี่ยม ย่อมต้องมีผู้คนให้ความสนใจอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์สุดหรู กระเป๋าแบรนด์เนมหรือแม้กระทั่งรองเท้าชั้นดี ที่เราจะเห็นได้อย่างเด่นชัดเวลาที่เข้าไปในร้านนั้นๆ
โดยผู้ประกอบต่างๆ ที่เป็นเจ้าของแบรนด์ชื่อดัง อาจสร้างสโลแกน ผลิตสินค้าที่มีจำนวนจำกัดในแต่ละรุ่นออกมา
อย่างเช่น กระเป๋ารุ่น XXXX มีเพียง 1000 ชิ้นในโลกเท่านั้น และหากมีลูกค้ามีความต้องการซื้ออยู่ในระดับสูง แต่ความต้องการขายอยู่ในระดับน้อย ราคาของสินค้านั้นก็จะพุ่งสูงเป็นอย่างมาก เป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่งที่ผู้ประกอบการนิยมใช้ อาจมีการเพิ่มลูกเล่นในสินค้าชิ้นนั้น หรือจัดหาวัสดุในการผลิตที่แตกต่างออกไปจากสิ้นค้าดังเดิม เท่านี้ก็จะได้สินค้าของพรีเมี่ยมมาเรียบร้อยแล้ว และยิ่งมีการประชาสัมพันธ์โฆษณาให้ดูน่าสนใจเข้าไปอีก สินค้าของพรีเมี่ยมชิ้นนั้นก็จะแพงขึ้นไปอีกเท่าตัว
กระนั้นสำหรับใครที่ชื่นชอบของแบรนด์เนมและมั่นใจว่าตัวเองมีกำลังพอที่จะจ่ายซื้อของเหล่านี้ เพื่อสนองความต้องการที่ให้คุณค่าทางจิตใจ ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรที่จับจ่ายซื้อสินค้าของพรีเมี่ยมต่างๆ แต่สำหรับใครที่กำลังจะควักบัตรเครดิตหรือไปกู้เงินสดมาสำหรับการนี้โดยเฉพาะก็ขอให้หยุดคิดสักนิดหนึ่งว่า ของเงินที่เสียไปในนั้นคุ้มค่าหรือไม่ ใช้ทนหรือใช้ได้นาน และสุดท้ายที่ต้องคิดเลยก็คือ จำเป็นต้องใช้จริงหรือเปล่า